บรรยากาศแจ่มใสตรงหน้ากับอเมริกาโน่ร้อนในมือ สุขที่สุด ณ เวลานี้
ฉันไม่เคยสงสัยเลยว่า คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้ยืนอยู่ในจุดที่ฉันยืนอยู่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งแวดล้อมรอบตัวและภาพตรงหน้าก็ไม่ใช่สภาพแวดล้อมเดิมที่ฉันเคยอยู่แล้ว เม็ดทรายตรงหน้าฉันตอนนี้ เมื่อคุณได้มายืนตรงจุดที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เม็ดทรายที่ทายทักฉันยามอรุณรุ่ง ย่อมเป็นไปได้ว่าอันตธานหายไปก่อนที่ผู้มาเยือนคนใหม่จะมาถึงเสียอีก ยังมิได้นับรวมเกลียวคลื่นที่ปะทะชายฝั่งและสลายไปต่อหน้าต่อตาของฉัน ฉันได้บันทึกภาพ กลิ่น เสียง สัมผัส ไว้ในความทรงจำของฉันแต่เพียงผู้เดียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันเป็นผู้โชคดีได้ยืนอยู่ตรงนี้
ฉันทอดสายตาทาบขนานเรื่อยไปตามชายหาด พลันสายตาก็เห็นหญิงสาวพร้อมขาตั้งไม้กำลังลงสีสันบนผืนผ้าแคนวาสอย่างเพลิดเพลิน
“พิมพ์ผกา เธอวาดอะไรอยู่” ฉันเปล่งเสียงถามสู้เสียงคลื่นลม พิมพ์ผกาหันมาด้วยหน้าตาภาคภูมิใจ หรี่ตาลงเล็กน้อย รอยยิ้มบางๆ ทำให้รู้ฉันรู้ว่า เพื่อนฉันอยากอวดผลงาน ไร้ซึ่งการตอบใดๆจากเพื่อนของฉัน และแน่นอน ตอนนี้ฉันอยู่ตรงหน้าผืนผ้าใบที่มีสีสันแต่งแต้มอย่างสวยงาม ฉันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทั้งๆที่เราเรียนมัธยมมาด้วยกัน แต่ฉันกลับไม่เคยเห็นพิมพ์ผกาวาดภาพสีน้ำ และไม่เพียงเท่านั้น ภาพสีน้ำนี้ช่างสวยสดงดงามเกินที่มือสมัครเล่นจะสามารถแต่งแต้มสีสันได้
ฉันขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หน้าตาแฝงความสงสัยไม่สามารถหลบซ่อนไปจากใบหน้าได้ พิมพ์ผกาจึงทักถามถึงอาการแปลกใจของฉัน
“เธอเรียนวาดภาพตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่เคยรู้เลย และ..........” ฉันทอดเสียงยาว “ภาพนี้สวยมาก” ความสงสัยของฉันได้หลุดผ่านออกมาเป็นเสียง ส่งตรงไปยังผู้รับสารตรงหน้า
พิมพ์ผกาไม่ได้ตอบทันที เธอหันไปแต่งแต้มสีสันบนผืนผ้าใบต่ออีกสักหน่อย ฉันสังเกตุได้โดยทันทีถึงความสุขสงบในใจของพิมพ์ผกา การวาดภาพนี้ เป็นการกระทำที่ผสานภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าเข้ากับความรู้สึกของช่างวาดแล้วส่งผ่านมาที่การเคลื่อนไหวของร่างกาย ใช่! มันคือการเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่อคนเราได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ชื่นชอบและมีความสุข มันไม่ใช่กลุ่มเซลล์เพียงแค่อวัยวะเดียวที่จะรับรู้ แต่มันคือเซลล์ทั้งหมดในร่างกาย ท่วงท่าในการยืน การยืดเหยียดของแขน การควบคุมมือ การสะบัดปลายภู่กัน นี่คือความสอดคล้องของร่างกาย
พิมพ์ผกาถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง เพื่อจะสามารถมองภาพได้อย่างครอบคลุม ตรวจสอบความสมบูรณ์ครั้งสุดท้าย สีหน้าบ่งบอกถึงความพึงพอใจ ฉันช่วยพิมพ์ผกาเก็บข้าวของ แล้วเราก็เริ่มเดินบนชายหาดมุ่งตรงสู่บ้านพักตากอากาศ
“ฉันอยากที่จะวาดภาพ มันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจที่ฉันไม่กล้าทำ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะวาดภาพสีน้ำได้ ฉันทำไม่ได้ ฉันบอกกับตัวเองแบบนั้นมาตลอด ทั้งๆที่ฉันอยากจะวาด แต่กลัวมากที่จะทำมันพัง” พิมพ์ผกาเอ่ยขึ้น สบตาฉันทีหนึ่ง แล้วเดินหน้าต่อไป
“จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันก็ไม่สามารถทนกับการไม่ได้ทำในสิ่งที่ฉันปรารถนา” พิมพ์ผกาเว้นระยะการพูดเล็กน้อย
“ฉันเริ่มหาข้อมูล ดูคลิปวิดีโอการวาดภาพสีน้ำ ซื้ออุปกรณ์ แล้วก็เริ่มลงมือ” พิมพ์ผกาหันมามองฉันเหมือนอยากจะถามว่า เธอเชื่อใหมว่าฉันตัดสินใจทำมันด้วยตัวเอง
พิมพ์ผกาเปิดภาพในโทรศัพท์มือถือให้ฉันดู ภาพสีน้ำภาพแรกที่เธอวาด มันยอดเยี่ยมมาก แม้จะเป็นภาพแรก
“ความกลัวมันอยู่ในหัวของฉัน ที่ขัดขวางฉันเองไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่ใช่ใคร” พิมพ์ผกาพูดพร้อมส่งยิ้มให้ ฉันรู้ว่าเพื่อนของฉัน ในใจตอนนี้ มันฟูและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเติมเต็ม
ฉันดีใจกับพิมพ์ผกามาก เธอได้เรียนรู้ความกลัวที่ก่อขึ้นในใจด้วยตัวเอง และทลายขีดจำกัดด้วยตัวเอง รางวัลของผู้กล้าได้ปรากฎต่อตัวเธอและเพื่อนของเธอแล้ว ภาพสีน้ำในมือคือหลักฐาน
ผลงานอันยอดเยี่ยมปรากฎสู่สายตาผู้คนแล้ว
ไม่มีรั้วใดที่น่ากลัวเท่า รั้วความคิดของเรา
ไม่มีใครสามารถทลายขีดจำกัดของเราลงได้ นอกจากเราจะทะลวงผ่านขีดจำกัดนั้นไป
รางวัลอันยิ่งใหญ่และคู่ควร รอเราอยู่หลังกำแพงที่เราสร้างเองเสมอ
Wisdom My Way